สำหรับใครที่กำลังมีแพลนออกเดินทางท่องเที่ยวที่ประเทศชื่อดังแห่งอเมริกาเหนืออย่างแคนาดา ก็ย่อมต้องคุ้นหูกับชื่อเมือง ที่แม้จะไม่ใช่เมืองหลวง แต่ก็ถือเป็นเมืองท่าสำคัญซึ่งถูกกล่าวถึงไม่ขาดสาย ถึงความสงบ เรียบง่าย ที่ผสมผสานไปกับความทันสมัยของชุมชนเมืองได้อย่างลงตัวอย่าง “แวนคูเวอร์ (Vancouver)” แน่นอน แม้ด้วยความยากในการขอวีซ่าก่อนเดินทาง จะทำให้บรรดาขาเที่ยวชาวไทยมองประเทศนี้อยู่นอกสายตาไปบ้าง แต่เชื่อเถอะว่าถ้าได้มีโอกาสออกท่องโลกทั้งที จะพลาดแดนแห่งใบเมเปิลแห่งนี้ไปก็น่าเสียดายแย่
ว่าแต่จะเที่ยวแวนตูเวอร์ยังไงให้สนุกดีล่ะ ? ให้ซามูไรเป็นตัวช่วยวางแผนการเดินทางเพื่อทุกคนดีมั้ย ?
วันนี้ Samurai WiFi ขออาสามากางคัมภีร์ เป็นไกด์นำเที่ยวเพื่อทุกคนที่มีแพลนจะไปเที่ยวแวนคูเวอร์ แคนาดาให้สนุกสนาน เปี่ยมสีสัน และไร้กังวลมากกว่าที่เคย รับรองว่าทำตามนี้แล้วตลอดทั้งทริปแวนคูเวอร์ของทุกคนจะต้องราบรื่นอย่างแน่นอนขอรับประกันเลย!
เคล็ดลับการท่องเที่ยวแวนคูเวอร์ : สิ่งที่ต้องรู้ก่อนเดินทาง
1.อย่ากลัวฝน
หากคุณมีแพลนจะเที่ยวแวนคูเวอร์ช่วงมิถุนายนถึงกันยายน อาจมีโอกาสสูงที่จะได้พบกับปรากฏการณ์ที่มีชื่อเรียกเล่น ๆ ว่า “Raincouver” หรือละอองฝนที่ปกคลุมทั่วแวนคูเวอร์ตลอดทั้งซีซั่น แต่เชื่อเถอะว่าแม้เจ้าฝนตัวดีมักจะตกลงมาปรอย ๆ ให้ชวนขยาด ทว่าในเมืองที่แห้งแล้งติดอันดับของแคนาดา ฝนจะไม่มีทางตกหนักจนไม่สามารถออกไปท่องเที่ยวกลางแจ้งได้แน่นอน แถมละอองฝนแบบนี้ยังช่วยเสริมบรรยากาศความเป็นป่าฝนในแบบฉบับแคนาดาให้งดงามอีกเป็นทวีคูณอีกต่างหาก !
2.อย่าเช่ารถ
ที่นักท่องเที่ยวควรรู้ไว้ให้จงดี คือแวนคูเวอร์เป็นเมืองเล็กๆ จอดรถยากและค่าจอดรถแพงหูฉี่ เพราะฉะนั้นจงเลี่ยงการเดินทางโดยการเช่ารถยนต์ไว้ !
แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะด้วยผังเมืองและสภาพอากาศสุดชิลของแวนคูเวอร์ ทำให้การเดินทางด้วยการเดินเท้า จักรยาน และบริการขนส่งสาธารณะเป็นเรื่องที่ง่ายดายสุด ๆ การเดินทางด้วยรถยนต์จึงไม่ใช่เรื่องจำเป็นแต่อย่างใด
3. จะหาที่พัก อย่าพลาดย่าน Burrard (เบอร์ราร์ด) และ Robson (ร็อบสัน)
บริเวณรอบถนน Burrard และ Robson เป็นทำเลที่สะดวกที่สุดสำหรับนักท่องเที่ยว เนื่องจากอยู่ใกล้ย่านใจกลางเมือง และมีขนส่งสาธารณะผ่านอยู่ตลอด ในราคาห้องพักที่ค่อนข้างสมเหตุสมผล แถมถ้าไม่มีปัญหาเรื่องงบ ก็มีที่พักหลายเกรด หลายไซส์ ไม่ว่าจะโรงแรมห้าดาวหรือเกตส์เฮ้าส์ก็จิ้มได้ตามความสะดวกเลย
Tips : ถ้าต้องการมองหาที่พักที่สะดวกปลอดภัยในงบจำกัด แนะนำให้หาที่พักโซน West End ใกล้ถนน Davie ซึ่งอยู่ระหว่างย่าน Burrard และ Denman ก่อนเป็นจุดแรกเลยนะ
4. ต่อให้จะเที่ยวได้ปลอดภัย แต่ก็อย่าวางของทิ้งไว้มั่วซั่ว!
แม้ว่าแวนคูเวอร์จะเป็นเมืองที่เฟรนด์ลี่กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ไม่ว่าจะเดินเที่ยวกลางวันหรือกลางคืนก็ปลอดภัยไร้กังวล แต่มิจฉาชีพก็ยังคงมีแฝงตัวอยู่ในเมืองเช่นเดียวกับเมืองท่องเที่ยวอื่น ๆ เพราะฉะนั้น อย่าเผอเรอวางข้าวของมีค่า หรือของส่วนตัวที่เสี่ยงต่อการหาย ทั้งกระเป๋าเงิน กระเป๋าสะพาย มือถือ แท็ปเล็ต หรืออื่น ๆ เอาไว้โดยไม่สนใจดูเป็นอันขาด เผลอแว้บเดียวอาจหายต๋อมไปกับมือวิ่งราวได้โดยไม่รู้ตัว
5. อย่าขอบคุณปากเปล่าเพียงอย่างเดียว ต้องมีทิปให้ด้วย
เป็นธรรมเนียมในแวนคูเวอร์ และเมืองอื่น ๆ ทั่วแคนาดา ที่ต้องมีทิปให้พนักงานบริการ โดยปกติแล้วจะต้องทิปให้พนักงานบริการในโรงแรม ($1-2 ต่อกระเป๋า 1 ใบสำหรับพนักงานยกกระเป๋า, $2-5 ต่อคืนสำหรับแม่บ้าน, $10-20 สำหรับเจ้าหน้าที่ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ตามโอกาส) ที่ร้านอาหาร (15- 20% จากค่าอาหารมื้อนั้น ๆ), ที่บาร์หรือเลานจ์ (0.50-2 ดอลลาร์ต่อเครื่องดื่ม 1 แก้ว) สปาและช่างเสริมสวย/ช่างตัดผม (10% คำนวณจากค่าบริการ) และคนขับแท็กซี่ (10% คำนวณจากค่าโดยสาร) เพื่อเป็นสินน้ำใจ อย่าได้พลาดข้อนี้ไปเด็ดขาดเชียวนะ
6. ไปถึงที่แล้ว อย่าได้คิดแม้แต่จะสั่งเดลิเวอรี่เชียว
แม้บริการส่งอาหารถึงที่หมายในรูปแบบเดลิเวอรี่จะเป็นทางเลือกที่สะดวกสบายสำหรับสายขี้เกียจ แต่แทนที่จะเลือกร้านอาหารจากช่องทางออนไลน์ จะดีกว่ามั้ยถ้าลองเดินออกไปนอกที่พัก แล้วมุ่งหน้าไปยังย่านร้านอาหารแบบ Gastown, Main Street หรือ Alexandra Road จากนั้นลองเชื่อสัญชาตญาณ แล้วจิ้มเลือกสักร้านให้เป็นปลายทางของคุณดูสิ เชื่อเถอะว่ากว่า 95% ไม่มีร้านไหนที่อาหารไม่อร่อยแน่นอน (แม้บางทีอาจมีเลี่ยนบ้างในบางมื้อ สำหรับคนไทยที่ไม่สันทัดอาหารแบบเวสเทิร์นสักเท่าไหร่ก็เถอะ)
7. อย่าลืมแวะสำรวจ “Can-Asia” ด้วย
เนื่องจากความหลากหลายทางเชื้อชาติ ทำให้พบเจอกับประชากรชาวเอเชียที่มาตั้งรกรากในแวนคูเวอร์ หรือที่เรียกกันเล่น ๆ ว่า “Can-Asia” ได้ทั่วไป ชนิดที่เพียงเดินกระทบไหล่กันก็มีสิทธิ์จะเป็นคนเอเชียแบบเราได้ถึง 70% จึงแนะนำว่าถ้าจะมาเที่ยวแวนคูเวอร์ให้ลึกซึ้งอย่างถึงแก่น ก็อย่าลืมไปเยือนย่านคนเอเชีย อย่างไชน่าทาวน์ หรือร้านอาหารเอเชียเพื่อทริปแคนาดาที่สมบูรณ์แบบกันด้วยนะ (โดยเฉพาะอาหาร เรียกได้ว่าเป็น A Must เลยล่ะ)
5 สถานที่ท่องเที่ยวไฮไลต์ ชนิดที่ถึงแวนคูเวอร์แล้วไม่ได้ไปแปลว่าพลาด
สถานที่ทั้งหมดที่เรากำลังจะยกมาแนะนำทุกคน คือจุดที่ขอบอกว่าจะพลาดไม่ได้ ในชนิดที่หากถามคนแคนาดาสิบคนเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวที่ควรไป ก็จะต้องได้ยินรายชื่อพวกนี้อย่างหนีไม่พ้นแน่นอนเลย
1. Stanley Park
สแตนลีย์พาร์ค
ตัวอย่างของป่ากลางเมืองที่กลายเป็นต้นแบบของสวนสาธารณะทั่วโลก ด้วยจุดเด่นคือทางเดินเลียบชายหาด ติดสวนสาธารณะ โดยปลายทางจะเชื่อต่อกับอควาเรียมที่ใหญ่ที่สุดของแวนคูเวอร์
กิจกรรมเด่นของที่นี่คือการปั่นจักรยาน หรือเดินด้วยสองเท้าเพื่อเยี่ยมชมทิวทัศน์ นั่งปิกนิกในสวนชิล ๆ หรือจะชื่นชมความงามของพืชพรรณไม้หลากหลายชนิดที่แบ่งสัดส่วนให้ได้เดินชมแบบชัดเจนในรูปแบบของสวนพฤกษศาสตร์ โดยที่ถ้าใครรักในการสูดอากาศบริสุทธิ์ท่ามกลางป่าไม้สวย ๆ ร่มรื่นละก็ จุดที่มาถึงแล้วจะลืมไปไม่ได้เด็ดขาดก็คือ Lynn Canyon เหมาะกับทั้งสายรักธรรมชาติและรักความสงบ
(อ้อ มีโซนที่ปลูกกุหลาบโดยเฉพาะด้วยนะ ถ้าจะถ่ายรูปสวย ๆ เก็บไว้ดูขอแนะนำจุดนี้เลย)
2. Granville Island
เกาะแกรนวิลล์
แหล่งละลายทรัพย์ของบรรดานักท่องเที่ยว ที่เปี่ยมชีวิตชีวาที่สุดในแวนคูเวอร์และแคนาดา จะหนี้พ้นที่นี่ไปได้ไงกันล่ะ
ที่นี่ตั้งอยู่ใต้สะพาน Granville ซึ่งที่จริงแล้วจะบอกว่าเป็นเกาะก็คงจะไม่ถูกเสียทีเดียว เพราะหน้าตาออกแนวใกล้เคียงแหลมเล็ก ๆ ที่ยื่นออกไปนอกชายฝั่งมากกว่า โดยใจกลางเกาะจะเป็นตลาดสดขนาดย่อม ศูนย์รวมข้าวของและอาหารสารพัดอย่าง ไม่ว่าจะเป็นของสด งานศิลปะ งานฝีมือ ไปจนถึงโรงละครขนาดย่อมแต่มีชื่อเสียงมาก เช่น Arts Club Theatre Company และ Axis Theatre Company และที่สำคัญ ค่าใช้จ่ายยังย่อมเยาสุด ๆ อีกต่างหาก (ส่วนหนึ่งก็เพราะเป็นที่ตั้งของโรงเรียนศิลปะเลื่องชื่อของแคนาดาอย่าง Emily Carr University of Art & Design ด้วยนั่นเอง)
และไฮไลท์หลักที่เนรมิตมาเพื่อนักท่องเที่ยวผู้มาเยือนโดยเฉพาะ คือดินเนอร์มื้อค่ำ ณ ร้านอาหารบริเวณริมอ่าว ซึ่งจะมาพร้อมกับทิวทัศน์ระดับล้านดาว เรียกได้ว่าแค่ลองมาเยือนสักครั้งจะไม่ผิดหวังเลย!
แก๊สทาวน์
ย่านเมืองเก่าของแวนคูเวอร์ ที่ยืนยงคงกระพันมาตั้งแต่ยุคเริ่มต้นสร้างเมือง
ที่นี่คือจุดตัดอันเป็นเอกลักษณ์ระหว่างความดั้งเดิมตามแบบฉบับแคนาดา และความทันสมัยที่เก๋ไก๋และลงตัวที่สุด ! ด้วยความเป็นศูนย์รวมของร้านค้า ร้านอาหาร และบาร์สุดชิค จึงกลายเป็นแลนด์มาร์กที่ไม่ว่าใครที่มาแวนคูเวอร์จะพลาดไปไม่ได้เด็ดขาด
โดยเช็กพ็อยต์ที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของแวนคูเวอร์และย่าน Gastown คือนาฬิกาไอน้ำ (Stream Clock) เรือนแรกของโลก ซึ่งตั้งอยู่ตอนกลางของถนน Water Street และร้านสปาเก็ตตี้ที่อยู่คู่แวนคูเวอร์มาอย่างยาวนานจนไม่ต่างกับสัญลักษณ์ที่ต้องกล่าวถึง อย่างร้าน The Old Spaghetti Factory
สะพานแขวนคาปิลาโน
จุดเช็กอินที่ 80% ของผู้มาเยี่ยมเยือนมักเป็นชาวแคนาดา และ 99% มักเป็นคู่รักกัน ด้วยทิวทัศน์ที่สวยงามชนิดที่แทบลืมหายใจ
นอกเหนือจากจะเป็นสถานที่วัดใจสำหรับผู้ชื่นชอบการท้าทายความสูง ด้วยทัศนียภาพจากบนสะพานแขวนที่มองเห็นแม่น้ำคาลาปิโน และภูมิทัศน์หุบเขาลึกจากมุมบนได้อย่างชัดเจน โดยที่เส้นทางของแม่น้ำที่ไหลคดเคี้ยวนั้นเต็มไปด้วยสีเขียวขจีของต้นไม้ที่อายุเฉลี่ยไม่ต่ำกว่าร้อยปี จึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่า เหตุใดจึงมีนักท่องเที่ยวหลักล้านคนต่อปีมาเยี่ยมเยือนแบบไม่ขาดสาย โดยเฉพาะคู่รักที่อยากมาซึมซับบรรยากาศสุดโรแมนติด ท่ามกลางสายลม แสงแดด และสองเรา
แต่สำหรับใครที่มาแบบโสด ๆ ก้ไม่ต้องเศร้า แค่ได้มาชมวิว เน้นรับพลังธรรมชาติแบบเต็ม ๆ เท่านี้หัวใจก็สดชื่นแล้ว
5. Dr. Sun Yat-Sen Classical Chinese Garden
สวนจีนคลาสสิกดร.ซุนยัตเซ็น
สำหรับใครที่ตั้งใจจะเดินทางไปไชน่าทาวน์ อย่าลืมแวะชมจุดนี้ก่อนด้วยนะ
นี่คือสวนจีนสไตล์คลาสสิกที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติให้แก่ซุนยัตเซ็น นักปฏิวัติผู้มีส่วนในการริเริ่มของจีนยุคใหม่มากว่าสามสิบปีแล้ว ทันทีที่ได้เหยียบย่างเข้าไปภายใน จะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายคล้ายกำลังย้อนอดีตไปในสมัยราชวงศ์หมิง ด้วยการตกแต่งสวนโดยการใช้ศิลปะและสถาปัตยกรรมสไตล์จีนโบราณ ทั้งการจัดสวนหิน ศาลาจีนริมน้ำ ประตูทางเข้า สะพานข้ามแม่น้ำ ไม่เว้นแม้กระทั่งการปูหินบนทางเท้าและการสลักลายเสาแต่ละต้น แถมยังสะดวกอย่างยิ่งสำหรับคนที่มาเยือนย่านชุมชนจีนแห่งแวนคูเวอร์ แต่ยังเลือกไม่ได้ว่าจะแวะเยี่ยมชมอะไรบ้างดี โดยเฉพาะคนรักในความเป็นเอเชียตะวันออกอาจจะอินได้ง่ายเป็นพิเศษก็ได้นะ
(แอบกระซิบนิดนึงว่าวิวจะสวยที่สุดในช่วงใบไม้ผลินะ)
สุดท้ายนี้ สำหรับใครที่ชื่นชอบความสงบ ร่มรื่น และสบาย ๆ แต่ยังมีความทันสมัยในแบบของเมืองใหญ่อยู่ รับรองว่าจะต้องตกหลุมรักแวนคูเวอร์ได้ไม่ยากเลย
และหากใครที่เห็นคู่มือเที่ยวขนาดย่อมของเรา และกำลังตัดสินใจจะไปเยือนแวนคูเวอร์สักครั้งในชีวิต แต่ยังไม่ได้วางแผนเรื่องอินเทอร์เน็ตไปใช้งานด้วยระหว่างทริป ขอแนะนำบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงจาก Samurai WIFi มีทั้งในรูปแบบ Pocket WIFi, ซิมการ์ด และใหม่ล่าสุด eSIM ที่มาพร้อมแพ็กเกจหลากหลายให้เลือกสรร ความเร็วระดับไฮสปีด ดาด้าไม่กั๊ก ในราคาแสนคุ้มค่า ตัดปัญหาค่าเน็ตรั่วหรือเน็ตไม่พอใช้งาน แถมยังมีเจ้าหน้าที่ตัวจริงเสียงจริง No Bot คอยอำนวยความสะดวกให้ตลอดการใช้งานอีกต่างหาก ขนาดนี้แล้วจะมองข้ามซามูไรไปได้ยังไงล่ะ
หากสนใจ รีบติดต่อเราได้ตามช่องทางด้านล่างนี้ได้เลย!